เหรียญแม่ย่าสีเมือง วัดสีเมือง รุ่นแรก สปป.ลาว เหรียญประสบการณ์จากเมืองลาว สภาพสวยเดิม ประสบการณ์เยอะมาก
ประวัติเจ้าแม่ย่าสีเมือง ไหว้วัดสีเมืองลาว
ประวัติความเป็นมาของเจ้าแม่ศรีเมืองอิงตามการบอกเล่าสืบต่อกันมาจากอดีตจนถึงปัจจุบันโดยได้อ่านจากคัมภีร์ใบลานท่านพ่อเฒ่าสมานอดีตพนักงานอาวุโสจากกรมมรดก
พ่อเฒ่าสมานซึ่งเป็นสารวัตรประจำอยู่วัดศรีเมืองปัจจุบันได้เล่าว่าในอดีตกาลที่ผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 2000 ปีในสมัยก่อนมีมีพระอรหันต์องค์หนึ่งได้นำไทยฟ้าประชาชนเผ่าจานพร้อมพระฤษีองค์หนึ่งมาจัดตั้ง /อยู่บริเวณนี้หวังจะมาสร้างบ้านแปลงเมือง เพราะเห็นสถานที่แห่งนี้เหมาะสมอยู่บริเวณวัดนี้
พระฤษีเลยสั่งให้เสนาอำมาตย์พร้อมด้วยไพร่ฟ้าประชากรไปหาหินที่เหมาะสมเอามาเป็นเสาบ้านเสาเมือง
เหล่าเสนาอำมาตย์ได้ออกหาเสาหินดังกล่าวที่ภูพระมังเป็นเวลา 3 เดือน
หลังจากได้เสาหินมาถึงแล้วก็โทรได้ให้เสนาอำมาตย์ทั้งหลายไปตีฆ้องร้องป่าวประกาศทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดหัวเมืองค้นหาคนที่จะมาเป็นพ่อบ้านแม่เมืองเมื่อมหาอุปราชได้ป่าวประกาศไปถึงเขตบ้านโสกใหญ่มีนางคนหนึ่งมาเสนอชื่อว่านางสี
นางสีดาได้ยินเสียงป่าวประกาศของมหาอุปราช นางก็คิดอยากว่าเป็นพ่อบ้านแม่เมืองในขณะนั้นนางเองก็ได้ตั้งครรภ์ครบเก้าเดือนใกล้จะคลอดลูกแต่นางก็ไปขออนุญาตจากสามีของนางก็ไม่ว่าอะไร
หลังจากมหาอุปราชได้ยินข้อตกลงของนางแล้วท่านก็เลยสั่งให้เสนาอำมาตย์นำม้าสีขาวหนึ่งตัวไปให้นางสีขี่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้
ในวันอังคารเดือนเก้าปีขาลเมื่อนางสีขี่ม้ามาถึงแล้วทางมหาอุปราชก็ได้ทำพิธีให้นางสีมารับศีล 8 จากท่านฤษี เมื่อเสร็จสิ้นแล้วนางก็ได้อธิฐานอยู่ที่ปากหลุมที่ฝังหลักเมืองที่ขุดไว้แล้ว
ตอนนั้นนางได้อธิฐานกับลูกในท้องนางว่า”ลูกเอยแม่จะไปเป็นแม่บ้านแม่เมืองที่นี่ถ้าลูกไม่พอใจจะอยู่กับแม่ให้ลูกออกจากท้องแม่ไปอยู่ที่อื่น”หลังจากที่กล่าวเสร็จ นางสีก็ได้กระโดดลงหลุมไป พวกเสนาอำมาตย์ที่ทำพิธีก็พากันตัดเชือกหวายที่มัดเสาหินทันที
เสาหินที่ตกลงไปได้กระแทกที่ท้องของนางสี ลูกในท้องของนางก็ได้กระเด็นขึ้นมาปากหลุม พระมหาอุปราชเห็นดังนั้น เลยให้นางสนม 4 นาง นำมาเลี้ยง ส่วนนางสี ก็ได้เสียชีวิตอยู่ภายใต้เสาหินหลักเมืองจวบจนปัจจุบัน
ลูกชายของนางสี ที่ถูกดูแลจากนางสนมทั้ง 4 มีชื่อว่า บุญคง กงสะเดน เมื่ออายุได้ 7 ขวบ ก็ได้มาบวชเป็นสามเณรที่วัดแห่งนี้ ต่อมาก็ได้มีสงครามเกิดขึ้น ทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างกว่า 600 ปี วัดแห่งนี้ได้ถูกปกคลุมด้วยต้นไทรและป่าทึบ ทำให้หลงเหลือจากสงครามมาได้
ต่อมาได้มีพระยาองค์หนึ่งพร้อมด้วยไพร่ฟ้าประชาชนได้เดินทางล่องน้ำโขงลงมาพักที่หาดดอนจัน ก็มีชาวบ้านแถวนั้นเข้าไปสอบถามว่า ท่านมาจอดแพทำอะไร? ก็ได้คำตอบว่าจะมาสร้างบ้านแปลงเมือง พวกชาวบ้านก็เลยบอกว่า บ่อนสถานแห่งนี้ มีเจ้ามีจอมให้พวกท่านพากันไปที่คุ้มหัวดอนตรงโน้น พระยาก็เลยมาเห็นสถานที่แห่งนี้เป็นที่เหมาะสม เลยตั้งกองทัพพร้อมสร้างบ้านแปลงเมืองมาจนปัจจุบัน