หินทิเบตนำโชค หินนำโชค ดวงตาสวรรค์ นำมาซึ่งโชคลาภมั่งคั่ง มั่งมีเงินทอง 2

DZI (ดีซีไอ) ดวงตาสวรรค์ หินนำโชคธิเบต

DZI หมายถึงความเจิดจรัส ความสว่างไสว ความสุกสกาว รุ่งเรือง การได้สวมใส่ดีซีไอแม้เพียงเม็ดเดียว ก็เชื่อว่าจะสามารถคุ้มครองผู้สวมใส่จากเคราะห์ร้ายทั้งมวลได้ ทั้งยังช่วยให้พ้นภัยจากภูติผีปีศาจได้ 

ช่วยนำโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง ความมั่งคั่งร่ำรวยและสุขภาพดีมาสู่ผู้ที่ได้ครอบครองอีกด้วย

ตำนานของหินดีซีไอ (DZI Beads)

มีตำนานและนิยายเกี่ยวกับหินดีซีไอในธิเบต เล่าว่าในสมัยแรกเริ่มของธิเบต ได้เกิดโรคระบาดอย่างรุนแรง ชาวธิเบตต้องตกอยู่ในความทุกข์ทรมานอย่างมาก และดำรงชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก โชคดีที่ได้มีพระองค์หนึ่งผ่านมา นามว่า Vajravarahiได้มาช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ โดยทำให้หินวิเศษ DZI หล่นลงมาจากฟ้า 

ใครก็ตามที่เชื่อมั่นก็จะปลอดภัยจากโรคร้าย ปลอดจากความหายนะและโชคร้าย

ส่วนประกอบของหินดีซีไอแท้

หินดีซีไอแท้ ทำจากหินอาเก็ต เรียกคาลซีโดนี ( Chalcedony ) มีชื่อทางเคมีว่าซิลิกอนไดออกไซด์ ( SiO2) หินดีซีไอแท้ จะปล่อยสนามแม่เหล็กที่มีพลังงานสูงมาก ลักษณะภายนอกจะแบ่งเป็น สีน้ำตาลดำ และสีน้ำตาลอ่อน และมีลวดลายสีขาวครีม ลวดลายลึกลงไปถึงแกนกลางของหิน ซึ่งลักษณะนี้จะเป็นที่ต้องการมากที่สุด ราคาของหินจะขึ้นอยู่กับลวดลายบนหิน ลายยิ่งลึกราคาก็ยิ่งสูงขึ้น 

ประวัติความเป็นมาของหินดีซีไอ

DZI ปรากฎในสมัย 3,000-1,500 ปีก่อนคริสตกาล ในอินเดียโบราณมีชาวเผ่าอารยันอาศัยอยู่ ผู้คนในสมัยนั้นนับถือและสวดอ้อนวอนพระเจ้า ใช้เวทย์มนต์ แกะสลักหินเป็นรูปสัตว์และสัญญลักษณ์อื่นๆเพื่อทำให้วิญญาณบริสุทธิ์ หินในสมัยนั้นเรียกว่า เวด้า (Veda) แรกเริ่มลวดลายของเวด้าเกิดจากสภาพแวดล้อมและความรุนแรงของปรากฏการณ์ธรรมชาติ ต่อมาพวกเขาจึงได้คิดวิธีการรักษาโรคโดยใช้หินแกะลวดลายต่างๆเพื่อใช้สวดขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า

หิน DZI เป็นภาษาธิเบต มีความหมายว่าความสวยงาม อำนาจ และความร่ำรวย ในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ไมซีก้า( Meiziga ) ในสมัยฮ่องเต้ถังไท่จงครองราชย์ พระธิดาของพระองค์ได้อภิเษกกับกษัตริย์ของธิเบต เจ้าหญิงได้นำพระพุทธรูปจากอินเดีย เป็นสินสมรส และประดิษฐานไว้ที่วัดโจคังในเมืองลาซา ชาวธิเบตใช้ DZI มากกว่าร้อยเม็ดฝังไว้ที่องค์พระ ในบันทึกทางประวัติศาสตร์กล่าวว่าได้มีการติดต่อกันระหว่างธิเบตและยูหยวน และมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน ดังนั้นตำนานการทำ หินDZI จึงมีการถ่ายทอดกันมาหลายรุ่นจนถึงปัจจุบัน

หิน DZI พบมากในประเทศที่อยู่แถบเทือกเขาหิมาลัย เช่น ธิเบต ธิเบตตะวันออก ภูฏาน สิกขิม ลาดัค ชาวธิเบต เรียก อีกชื่อว่า เทียนจู ย้อนไปเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว ชาวธิเบตพบว่ามีสนามแม่เหล็กรอบๆหินนี้ จึงนำมาทำเป็นก้อนกลมๆ และแบบต่างๆแต่ในสมัยนั้นยังไม่มีเทคนิคในการทำมากนัก จึงได้หินที่มีลายอยู่ตื้นๆ ต่อมาชาวธิเบตได้วาดลวดลายหินนำโชคหลายๆลายเช่น แจกันวิเศษ( Treasure Bottle) ดอกบัว (Lotus Flower) ลายเขี้ยวเสือ ตาหลายๆแบบ และลายเส้น ฯลฯ แล้วนำไปเผาด้วยความร้อนสูงมาก เพื่อให‰ลวดลายซึมลงไปลึก ถ้าDZIได้ผ่านการสวดหรือปลุกเสกโดยพระผู้มีวิชาหรือปรมาจารย์ทางลัทธิเต๋า จะทำให้มีพลังวิเศษ กล่าวกันว่าเฉพาะผู้ที่มีบุญวาสนาเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ครอบครองหินนำโชคนี้

ความหมายของสัญญลักษณ์บนหินDZI

ลวดลายบนหินDZI แบ่งออกตามสัญญลักษณ์ 4 กลุ่มใหญ่ๆดังนี้

1.ความสงบสุข จะมีสัญญลักษณ์ เป็นรูปวงกลม หมายถึงป้องกันความหายนะ เปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นดี และขจัดอุปสรรค

2.ความก้าวหน้า จะมีสัญญลักษณ์ เป็นรูปสี่เหลี่ยม หมายถึงธุรกิจรุ่งเรือง ความร่ำรวยรวดเร็ว มีโชคลาภและสมปรารถนา

3.ความสมบูรณ์แบบ จะมีสัญญลักษณ์ เป็นรูปเส้นโค้ง หมายถึงช่วยให้สุขภาพดีขึ้น มีมนุษยสัมพันธ์ดีพร้อม สร้างความเป็นผู้นำ

4.พลังอำนาจ จะมีสัญญลักษณ์ เป็นรูปสามเหลี่ยม หมายถึงต่อสู้กับสิ่งชั่วร้าย ปราบภูตผีปีศาจ ขับไล่พลังอำนาจที่ชั่วร้าย